สารบัญ
-
ระบบเรียกพยาบาล (nurse call system) คือ
-
ระบบเรียกพยาบาลควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
-
ส่วนประกอบของระบบเรียกพยาบาล
-
ประเภทของระบบเรียกพยาบาล
-
ข้อแนะนำในการเลือกติดตั้งระบบเรียกพยาบาล
ระบบเรียกพยาบาล (Nurse Call System) คือ
ระบบการสื่อสารกันระหว่าง คนไข้หรือผู้ป่วย กับ พยาบาลหรือผู้ดูแล สำหรับในกรณีที่ผู้ป่วยมีความต้องการขอความช่วยเหลือ ในทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ส่งผลต่อความเป็นความตายของชีวิตผู้ป่วย เช่นกรณี ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน (Acute Myocardial infarction) , ภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงเนื่องจากหลอดเลือดตีบ แตก ตัน (stroke), ผู้ป่วยสูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เป็นต้น
ระบบนี้จะทำให้สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที และทำให้เจ้าหน้าที่พยาบาลรับทราบได้โดยทันทีว่าผู้ป่วยห้องใด/เตียงใดเป็นผู้กดเรียก
ระบบเรียกพยาบาลที่ดี จะต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญ ดังนี้
1. มีความถูกต้อง และแม่นยำสูง
2. สามารถใช้งานง่าย เหมาะสมกับทุกช่วงวัยของผู้ใช้บริการ
3. มีไฟขึ้น แสดงที่หน้าห้องผู้ป่วยชัดเจน
4. สามารถสนทนา/สื่อสารกันได้ จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการช่วยเหลือ
5. มีระบบการเข้าถึง และกล้องวงจรปิด อาจรวมไปถึงการตรวจสอบประตู ช่วยให้เจ้าหน้าที่พยาบาลรับทราบ และสามารถเช็คสถานการณ์ของผู้ป่วยได้ทุกช่วงเวลา
6. มีการแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือ ที่อยู่กับเจ้าหน้าที่พยาบาลได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็ว และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อผู้ป่วยได้
7. มีระบบสำรองไฟฟ้า
8. มีการตรวจเช็คอุปกรณ์เป็นประจำ มีระบบในการสอบเทียบ เพื่อสร้างมาตรฐานในการรับรองคุณภาพ และมีใบ certificate รับรองเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับอุปกรณ์
9. สามารถติดตั้ง และดูแลรักษาได้ง่าย
10. มีการบันทึกการโทรและบันทึกข้อมูล มีบริการการส่งข้อมูลผ่านระบบเพจ ช่วยให้ผู้ดูแลสามารถตรวจสอบระยะเวลาที่ใช้ในการช่วยเหลือผู้ป่วยได้สะดวก
🏥 ส่วนประกอบหลักของระบบเรียกพยาบาลมีอะไรบ้าง
1. เครื่องแม่ (Master Station)
อุปกรณ์หลักสำหรับรับ–ส่งสัญญาณเรียกจากห้องผู้ป่วย สามารถสื่อสารเสียงกับหัวเตียงและห้องน้ำได้โดยตรง
2. หน้าจอแสดงผล (Display Panel)
แสดงหมายเลขหรือชื่อห้องที่มีการกดเรียก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบตำแหน่งการแจ้งเตือนทันที
3. กดเรียกหัวเตียง (Bed Call Unit)
ติดตั้งใกล้ผู้ป่วย ใช้กดเรียกพยาบาลเมื่อมีความต้องการช่วยเหลือ สามารถต่อสายกดเรียกเพิ่มได้
4. กดเรียกห้องน้ำสายดึง (Bathroom Pull Cord)
สวิทซ์ติดตั้งในห้องน้ำ มีเชือกสำหรับดึงขอความช่วยเหลือ พร้อมไฟแสดงสถานะเมื่อกดเรียก
5. ไฟสัญญาณหน้าห้อง (Corridor Light)
ไฟแจ้งเตือนติดตั้งหน้าห้องผู้ป่วย แสดงสถานะการเรียกจากหัวเตียงหรือห้องน้ำ ช่วยให้พยาบาลมองเห็นได้ชัดเจน
ระบบเรียกพยาบาล สามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ
1. แบ่งตามลักษณะทางเทคนิค สามารถแยกเป็น 2 ระบบ ดังนี้
1.1 ระบบอนาล็อก คือ ใช้การแปรผันของค่าสัญญาณเช่นแรงดันและกระแสไฟฟ้าในช่วงเวลาหนึ่งในการทำงาน
1.2 ระบบดิจิตอล ซึ่งเป็นการรวมอุปกรณ์ที่ออกแบบสำหรับการทำงานกับข้อมูลเชิงตรรกะ (Logic) ปริมาณจะแทนด้วยตัวเลข (Digit)
2. แบ่งตามลักษณะการใช้งาน สามารถแยกออกได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
- ระบบเรียกพยาบาลที่ใช้สำหรับการสื่อสารทางเดียว หรือ Half Duplex ซึ่งการสื่อสารใน
ลักษณะนี้ เป็นระบบการสื่อสารด้วยสัญญาณไฟ และเสียง จะไม่สามารถมีการโต้ตอบกันได้ เป็นลักษณะไร้สาย สามารถเคลื่อนย้ายได้ แต่มีข้อจำกัดในเรื่องระยะทาง เหมาะสำหรับสถานที่ที่ที่มีจำนวนจุดเรียกจำนวนน้อย เช่น ในบ้านพักผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ บ้าน สำนักงาน หรือห้องพักแพทย์ เป็นต้น
เมื่อผู้ป่วยมีการเรียกเจ้าหน้าที่พยาบาล จะมีเสียงดัง ปิ๊บ พร้อมไฟกระพริบแสดงตำแหน่งที่เรียกมา (Call Alarm) เป็นระบบเรียกพยาบาลขั้นพื้นฐาน ซึ่งส่วนใหญ่ใช้กับห้องเตียงรวม ราคาประหยัด นิยมใช้กันมาก
- ระบบเรียกพยาบาลที่สามารถสื่อสารโต้ตอบกันได้ระหว่างผู้ป่วยกับเจ้าหน้าที่พยาบาล หรือ Intercom ซึ่งสามารถแบ่งออกได้อีก 2 แบบย่อย คือ
- แบบ Simplex สามารถโต้ตอบกันได้ แต่ต้องผลัดกันสนทนาคล้ายกับการใช้วิทยุสื่อสาร
- แบบ Full Duplex สามารถโต้ตอบกันได้ คล้ายกับการสื่อสารผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งส่วนมากจะใช้สำหรับห้องผู้ป่วยพิเศษ/วีไอพี
ประเภทของระบบเรียกพยาบาล มี 3 ประเภท คือ
1. ระบบเรียกพยาบาลแบบมีสายทั่วไป (4-wired Nurse Call)
เป็นลักษณะการเรียกเจ้าหน้าที่พยาบาลแบบมาตรฐานทั่วไป โดยผู้ป่วยสามารถเรียกเจ้าหน้าที่พยาบาลผ่านปุ่มกดฉุกเฉินแบบสาย จากนั้นเจ้าหน้าที่พยาบาลจะได้รับการแจ้งเตือนด้วยแสง หรือเสียงพื้นที่บริเวณที่เจ้าหน้าที่พยาบาลมองเห็นและได้ยิน หรือสเตชั่นของพยาบาล ซึ่งในการติดตั้งระบบนี้ค่อนข้างที่จะง่าย และรวดเร็ว ยี่ห้อต่างๆเช่น Commax, Prezon & Meeyi
2. ระบบเรียกพยาบาลแบบไร้สาย (Wireless Nurse Call)
เป็นลักษณะเช่นเดียวกับระบบเดินสาย ซึ่งระบบ wireless nurse call หรือไร้สายเหล่านี้มีความสามารถในการแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่พยาบาลด้วยแสง เสียงหรือสามารถแสดงข้อความในเครื่อง เนื่องจากระบบนี้มีการเดินสายระหว่างการติดตั้งที่น้อย
ระบบนี้จึงมีข้อดี คือ ประหยัดงบประมาณในการติดตั้ง แต่อย่างไรก็ตามไฟโดมไลท์ภายในห้องโถงก็ยังคงต้องมีการเดินสายสำหรับจ่ายไฟ จึงทำให้มี
ข้อเสียหลักๆ ตามมา คือ
- ต้องมีการตรวจสอบ และเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สเตชั่นของผู้ป่วยตลอดอายุการใช้งานของระบบ ทุกๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี
- มีความเสี่ยงของสัญญาณรบกวนกับระบบอื่น ๆ ภายในอาคาร
- ตัวเลือกมีค่อนข้างจำกัด
3. ระบบเรียกพยาบาลแบบไอพี (IP Nurse Call)
- ไม่ต้องเดินสาย ใช้งานได้ทันที
- ตรวจสอบการกดเรียกย้อนหลังได้
- แจ้งเตือนไปมาระหว่าง ตึกได้ ผ่านระบบ IP
- รองรับการแจ้งเตือนได้มากกว่า 1 Station
- ยืดหยุ่นในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ขยายระบบได้ไม่มีจำกัด
- เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน
- ดูสถานะการกดเรียกแบบ 24 ชั่วโมง
ข้อเสนอแนะในการเลือกระบบเรียกพยาบาลเพื่อนำไปใช้งาน
- ควรคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับตามเหมาะสมกับสถานที่ เนื่องจากระบบที่มีความสามารถสูง ค่าใช้จ่ายมักจะสูงตามไปด้วย ซึ่งบางครั้งอาจเกินความจำเป็น ทำให้สิ้นเปลืองทั้งทรัพย์สิน และทรัพยากรได้
- ควรเลือกตามลักษณะของระบบเรียกพยาบาลที่ดี ที่ได้แนะนำไว้ข้างต้น
- ควรมีการติตตั้งโดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญ และมีความชำนาญ อุปกรณ์/อะไหล่ที่มีใช้ในประเทศได้แก่ Prezon,COMMAX, AUSTCO, AIPHONE, FORTH เป็นต้น ซึ่งในระบบดิจตอลมักจะมีความซับซ้อนมากกว่า ระบบอนาล็อกทั้งในเรื่องของการเดินสาย และการติดตั้งโปรแกรม
- ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยี ให้ร่วมกับยุกต์สมัยเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็ว และทันท่วงทีให้ได้มากที่สุด
ระบบ NURSE CALL ของ Prezon
อ้างอิงข้อมูลจาก
อรรถรัตน์ นาวิกาวตาร . (2553). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบเรียกพยาบาล. สืบค้น 8 สิงหาคม
2563, จาก http://www.secu.co.th/index.php?lay=show&ac=article&Id=539682197
Northerwood. (2563). Nurse call system. สืบค้น 8 สิงหาคม
2563, จาก http://www.technicalalarmsystems.co.uk/nurse-call-systems/
Blog writer. (2563). Nurse call system. สืบค้น 8 สิงหาคม
2563, จาก http://www.technicalalarmsystems.co.uk/nurse-call-systems/